หลังจากพักผ่อนอย่างเต็มที่ นอนเร็วเลยเพราะว่า Jet Lag พยายามฝืนให้นอนตรงกับเวลาเค้าให้มากที่สุด ทรมานหน่อยวันแรก เช้าวันที่ 2 เลยพร้อมเต็มที่ ที่จะตะลุยเดินเล่นในเมือง

เราเริ่มจากจุดแรก

Templo  De Debod

ที่นี่ตั้งอยู่ใน Parque De Oeste เป็นสวนสาธารณะบนเนินสูง ปีนป่าย ขึ้นบันไดหลายขั้นเลยกว่าจะถึง‼️ วัดนี้เป็นซากโบราณสถานที่อียิปต์มอบให้สเปนเป็นของขวัญ

ทางเดินขึ้นเขา บันไดหลายขั้นอยู่ กว่าจะปีนขึ้นไปถึง ก็เล่นเหนื่อยเอาเรื่องอยู่

 

ขึ้นบันไดหมดไปช่วงนึง ก็จะเจอบันไดแบบนี้อีก หลายช่วงเลย ปีนไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ถึง…………….

อ่านรีวิวมาคือ เป็นโบราณสถานสร้างด้วยหิน ตั้งอยู่กลางสระน้ำตื้นๆ นี่คือกะไปนั่งเล่นริมสระน้ำ ถ่ายรูปซากวัดสะท้อนน้ำยังไงดีนะให้สวยๆ

สิ่งที่คิด vs สิ่งที่เป็น

💢 ตัดภาพมาที่ของจริง …. น้ำแห้งขอด ร้อนแบบแทบมอดไหม้ จะถ่ายรูปสะท้อนน้ำคงไม่ได้ น้ำไม่มีซักหยด นี่เป็นอีกสถานที่ ที่ไปเจอของจริงกับที่ดูรูปทำไมมันต่างกันงี้!! จะนั่งริมสระน้ำก้นคงไหม้ สรุปคือ รีบถ่ายรูปแล้วหาที่ร่ม หลบแดด

อ่ะๆ สงสัยไปหน้าร้อน น้ำเลยหายไปถ้าไปฤดูอื่นคงจะมีน้ำเต็มสระ ให้อภัยก็ได้

น้ำแห้งผาก ไม่มีแม้แต่หยดเดียว และแดดก็ร้อนมากกกก
เห็นน้ำบ้างไหม…..
นี่คือการแต่งตัวที่ลืมดูแพลนเที่ยวว่าต้องขึ้นเขา กระโปรงยาว เกือบสะดุดบันไดตลอดทาง อย่าเอาเยี่ยงย่าง

 

มองไปไกล…. จะเห็น Royal Palace ของ Madrid

 

Plaza De Espana

Plaza de Espana เป็นสวนสาธารณะที่มีรูปปั้นของ (Miguel de Cervantes) นักเขียนบทละครและนวนิยาย เจ้าของผลงาน Don Quixote ทั้งหมดทั้งมวลนี้ Google มา เค้าบอกว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ต้องมา แต่พอไปจริงๆ ก็ไม่ได้อินเท่าไหร่ เอาเป็นว่า ลองดูรูปละกันนะ ถ้าชอบก็เป็นอีกจุด Checkpoint นึงได้ เพราะว่าอยู่ไม่ไกลจาก Royal Palace of Madrid

ด้านหลังอนุสาวรีย์จะเป็น Edificio España ตึกสูงใหญ่ตั้งตะหง่านอยู่ด้านหลัง แต่ว่าตอนที่เราไปตึกนี้กำลังปรับปรุงอยู่

 

Catedral De La Almudena

เป็นมหาวิหารใหญ่ประจำราชสำนักสเปน อยู่ติดกับ Royal Palace of Madrid ด้านนอกดูยิ่งใหญ่อลังการสมเป็นวิหารประจำราชสำนัก สามารถเข้าไปชมด้านในได้ฟรี แต่เราไม่ได้เข้าไป ชมความสวยงามจากข้างนอกพอ

 

 

Royal Palace of Madrid 

พระราชวังหลวงของสเปน ใครที่คิดว่าจะเข้าชมด้านใน แนะนำให้จองตั๋วมาล่วงหน้า เพราะว่าคนเยอะมากกกก แถวยาวเยียด ใครจะชมข้างในแนะนำว่าให้มาแต่เช้า นี่ขนาดเรามาถึงยังไม่ 10 โมง แถวก็ยาวแล้ว again เนื่องจากเราไม่ชอบคนเยอะ บวกกับไม่ได้อินกับสถาปัตยกรรมเท่าไหร่ เลยไม่ได้เข้าไปดูด้านใน เน้นกินเป็นหลัก มาเที่ยวชมความงามจากด้านนอก ก็เพียงพอ สำหรับเรา

Panorama ให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของ Royal Palace of Madrid กัน

 

La Campana

มาถึง Highlight ของกินแรกของวัน Calamari ที่รอคอย ร้าน Local เล็กๆ ที่ได้รับคะแนน Review ดีมากจากหลายๆ เวปแนะนำ หนึ่งในนั้น คือ Trip Advisor ได้ 4.5/5.0 จาก 1,600 กว่ารีวิว

✔️ จานเด็ดแนะนำ Calamari
แบบใส่บนขนมปังฝรั่งเศส ราคาเริ่มต้น 💲3

ทอดใหม่ๆ ร้อนๆๆ

ถ้าอยากจัด Calamari แบบจัดเต็ม แนะนำให้สั่งแยก จะได้ Calamari ใส่จานมาแบบพูนๆ เสิร์ฟพร้อมขนมปังฝรั่งเศส และมะกอกแก้เลี่ยน

 

 

 

💢 Calamari คือ กรอบนอก นุ่มใน และสดมากก จะไม่มีการทอดทิ้งไว้ เราสั่งเค้าถึงจะทอดใหม่ๆจากกระทะเลย บีบมะนาวนิดๆ กำลังดี

ทุกร้านต้องมีเบียร์ให้ได้เลือกลองกัน และที่สำคัญราคาถูกกว่า น้ำเปล่าและโค้กอีก

 

จบร้านแรกไป แต่ว่าเรายังไม่อิ่ม บอกแล้วว่ามาเพื่อกินเราเลยเดินต่อไปหาขนมหวานกินเลยจ้าาา และขนมหวานของสเปนจะเป็นอะไรไม่ได้ นอกจาก “ชูโรส”

ระหว่างทางเราจะผ่าน จัตุรัส Plaza Mayor

เป็นจัตุรัสที่มีชื่อเสียงใน Madrid เป็นลานกว้างๆ ที่ตรงกลางมีรูปปั้นของกษัตริย์เฟลีเปที่ 3 ที่นั่งอยู่บนหลังม้าตั้งอยู่ รอบๆจัตุรัสจะเป็นอาคารเก่าแก่สีแดง และมีร้านอาหารมากมาย

 

Chocolateria San Gines

อยากลองดูว่าอร่อยสมคำร่ำลือไหม ร้านอยู่ในซอกลืบมาก แต่หาไม่ยากเพราะซอยนี้จะมีนักท่องเที่ยวเดินเข้าออกตลอด และร้านก็อยู่ใจกลางเมือง ห่างจากจัตุรัส Puerta Del Sol ไม่ไกล

⁉️ ทำไมต้องร้านนี้
ร้านนี้ถือว่าเป็นร้านชูโรสที่เก่าแก่ที่สุดของมาดริด เปิดมานานกว่า 120 ปี บรรยากาศร้านคลาสสิคตามอายุของร้าน ผนังจะเป็นรูปเหล่าเซเลบ ที่แวะมากินร้านนี้

It a Must => ใครไปใครมาก็ต้องสั่ง ชุดชูโรส +ช็อคโกแลตร้อน แป้งชูโรสนุ่ม ไม่หวานมาก จิ้มช็อคโกแลตร้อนๆ บอกได้คำเดียวว่า เด็ด!!!! แต่ 2 คนสั่งชุดเดียวกำลังพอดี ถ้ามากไปกว่านี้จะเลี่ยนไป เพราะตัวชูโรสก็มีความอมน้ำมันนิดๆๆ

☕️ นอกจากชูโรสแล้วเราลองน้ำอีกอย่างที่มีชื่อว่า “Horchata” คล้ายๆน้ำเต้าหู้บ้านเรา google บอกว่ามันทำมาจากถั่ว Tiger nut อร่อยดี

📌 โดยรวมร้านนี้ควรค่าแก่การมาลอง ตอนเราไปคนไม่เยอะโชคดีที่ไม่ต้องรอคิวนาน ไปถึงก็ได้โต๊ะเลย แต่หลังจากนั้นก็คิวยาวอยู่ คงแล้วแต่ช่วงเวลา แต่ถึงรอ ก็รอไม่นานมาก รอเถอะ เราอยากให้กินของอร่อย

ไม่มีคิวเลยจ้า โชคดีจริงๆ เดินเข้าไปสั่งแล้วหาโต๊ะได้เลย แปปเดียวพนักงานก็จะเอาชูโรสพร้อมช็อคโกแลตร้อนๆ มาเสิร์ฟ

 

ช็อคโกแลตเข้มข้น ร้อนๆ อร่อย ไม่หวานมาก กินกับชูโรสกำลังพอดี

 

หมดนี่กิน 2 คน

 

ชูโรส เสิร์ฟมาพร้อมช็อคโกแลตเข้มข้นน่ากิน

 

จิ้มชูโรสในช็อคโกแลตร้อน เอาเข้าปาก นี่คือ ฟินไปเลย

 

ซ้าย เลมอนเนเ ขวา Horchata

 

บรรยากาศร้านสุดคลาสสิค เดินเข้ามาสั่งอาหารที่แคชเชียร์ซ้ายมือได้เลย แล้วไปหาโต๊ะนั่ง พนักงานจะยกมาเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะ

 

นี่คือหลังจากเรากินเสร็จแล้ว แปปเดียวคนเต็มจ้า

 

เราสั่งเมนูแรกเลย 4 Euro กิน 2 คน กำลังอิ่มพอดี ไม่เลี่ยน

 

ประตูอีกประตูที่ติดกัน แต่ดูเหมือนฝั่งนี้คนจะน้อยกว่า ไม่แน่ใจว่าต่างกันยังไง

 

มีแตกไลน์เป็นไอติมด้วยนะจ๊ะ แต่ไม่ได้ลอง เพราะอิ่มมากกกกก

 

อิ่มแล้วก็เดินชมเมืองต่อได้ เดินมาจากร้าน Chocolateria San Gines  ไม่ไกลจะเจอกับ ที่แรกคือน้องหมีปีนต้นไม้ มันคือ จัตุรัส Puerta Del Sol 

จัตุรัสที่อยู่ใจกลางเมือง สามารถนั่งรถใต้ดินมาลงได้เลย แต่เราเดินเล่นมาจากร้าน Chocolateria San Gines เดินเล่นมาเรื่อยๆ เพลินๆ ถ้าหาไม่เจอให้มองหา  รูปปั้นหมีปีนต้นไม้ หรือ Bear and the Mandrono Tree ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมือง Madrid

แต่แถวนี้แอบหน้ากลัวหน่อยๆ ตรงที่จะมีคนแต่งตัวเป็น Mascot Disney มากมายมาพยายามขอถ่ายรูป หรือว่าร่วมเฟรมในการถ่ายรูปกับเรา ทั้งที่ไม่ได้เชิญ ถ่ายเสร็จ ก็จะขอเงิน ถ้าไม่ให้ก็จะถอดหัว Mascot มาขอเลยจ้า แนะนำว่าปฏิเสธไปเลย ถ้าไม่อยากมาจ่ายเงินกับเรื่องแบบนี้

 

 

หาเรื่องเดินย่อยต่อ เพราะว่าอิ่มอืดมาก เราจะเดินทางต่อไปที่สนามฟุตบอล Santiago Bernabeu ซึ่งเป็นสนามแข่งของราชันตชุดขาว Real Madrid นั่นเอง ช่วงที่เราไปเป็นช่วงฟุตบอลโลก ทุกอย่างรอบสนามเลยเงียบสนิท

นั่งรถไฟมาลงที่สนามได้เลย มีสถานีที่ชื่อเดียวกับสนาม

 

แผนที่ของสนามที่ค่อนข้างกว้างเลย

เนื่องจากวันที่เราไปไม่มีโปรแกรมการแข่งขัน สนามเลยแทบไม่มีคน ใครที่เป็นแฟนบอลของทีมนี้อยากชมสนามแบบ Inside ก็สามารถซื้อทัวร์ในสนามได้

 

ตามสไตล์ที่สโมสรฟุตบอลแต่ละสโมสรจะต้องมีร้านขายของที่ระลึกของทีมตัวเอง แต่ราคาของเสื้อของก็แรงเช่นกัน ดูแล้วราคาขั้นต่ำของเสื้อ จะอยู่ประมาณ 70 Euro ขึ้นไป

 

ชุดเด็กที่อยากซื้อให้ลูก แต่พอเห็นราคาแล้วพับเก็บจ้า ประมาณ 3 พันกว่าบาท แล้วเด็กก็โตเร็ว เดี๋ยวก็ใส่ไม่ได้

 

เดินเล่นครบรอบสนามพร้อมชมร้านขายของที่ระลึกก็เล่นเอากินพลังงานไปเหมือนกัน หิวอีกแล้วววววว

ไปค่ะ เราจะพาไปเดินตลาดกัน ตลาดนี้คือ ตลาด San Miguel จริงๆแล้วตลาดนี้อยู่ไม่ไกลจากร้าน Chocolateria San Gines เท่าไหร่ แต่ด้วยตอนที่กินชูโรสเสร็จมันอิ่มมาก เราเลยต้องเปลี่ยนแผนไปเดินเล่นที่อื่นก่อน

ก่อนจะถึงตลาด เจอคนมากมายมุงสิ่งนี้อยู่ เลยต้องเดินไปใกล้ๆ ว่ามันคืออะไร มันที่ที่รองน้ำดื่ม ให้คนสามารถมารองน้ำ หรือว่าจะล้างหน้าล้างตาก็ตามสะดวก

 

ถึงแล้ว ตลาด San Miguel หน้าตาภายนอกอาจจะดูไม่เป็นตลาดเท่าไหร่ ด้านในติดแอร์ทั้งหมด ปัจจุบันนี้เป็นตลาดที่เก่าแก่ที่สุดใน Madrid พอเดินเข้าไปข้างในจะคับคั่งไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาจับจองที่นั่งตามบาร์ต่างๆเพื่อรับประทานอาหาร

ในตลาดจะขายทั้งของสด ผักผลไม้ เนื้อปลา

ผลไม้มากมาย เรียงรายให้เราได้เลือกซื้อ

สายสุขภาพ ก็จัดไปน้ำผลไม้ แต่สายเมาแบบเรา ขอเลือกเบียร์เย็นๆซักแก้วไม่ก็ Sangria อร่อยๆ ดีกว่า

Monk Fish ปลาหน้าตาประหลาด แต่เป็นที่นิยมมากที่สเปน เดินไปในตลาดหรือซุปเปอร์มาร์เก็ตต้องมี ตอนแรกที่เห็นคือ นึกในใจ มันกินได้เหรอวะ …… มันน่าจะถูกเรียกว่า Monster Fish มากกว่า เพราะหน้าตาคือน่ากลัวเกิ้นน

แต่ในความน่ากลัวนั้น เราค้นพบว่า มันอร่อย!! เรากินที่เค้าใส่มาใน ปาเอย่า เนื้อมันจะนุ่มๆ ไม่คาว

ปกติมันสามารถเอามาทำอาหารได้หลายเมนูเลย จะทอด หรือทำสเต็กปลาก็ได้ใครไปสเปนแล้ว แนะนำให้ทดลอง ตอนแรกเราก็ไม่กล้ากิน ดูหน้ามันดิ ยังกะปลาดึกดำบบรพ์ แต่มันอร่อย มิน่า คนถึงฮิตกิน

 

 

อาหารมันมีให้เลือกระรานตาจริงๆ เราแนะนำว่าไม่ควรเดินเข้าไปเจอแล้วกินเลย ควรเดินสำรวจซักรอบก่อน เพราะว่าตลาดมันไม่ได้ใหญ่มาก เดินครบรอบแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะกินอะไร เพราะว่าเราจะกินทุกอย่างไม่ได้!!! ที่พูดนี่คืิิอเตือนตัวเอง 555

ไปค่ะ พาไปชมอาหาร ขอบรรยายด้วยภาพ

หรืออยากจะกินทาปาสก็มีให้เลือก

ปาเอย่า หรือว่า ข้าวผัดสเปนก็มีให้เลือกทั้งแบบธรรมดาสีเหลือง หรือว่าจะเป็นข้าวผัดสเปนแบบใส่หมึกปลาหมึกสีดำก็มี แต่วันนี้ขอบายข้าวก่อน เพราะว่ามีอย่างอื่นให้เราเลือกกินมากกว่า

 

Seafood ก็ให้เลือกหลายร้านเลย แต่ Highlight ของเราวันนี้อยู่ที่ หอยนางรมสดๆๆ ที่คนมุ่งกันเยอะมากก เลยต้องจัดซะหน่อย

หอยของร้านนี้ทั้งหมด เขียนเลยว่า มาจากฝรั่งเศส มีให้เลือกหลายแบบ หลายไซร์ ซึ่งแต่ละแบบจะมีรสชาติที่ไม่เหมือนกัน

หอยจะมีให้เลือกทั้งหมด 3 แบบ แต่ละแบบเค้าจะเขียนให้ดูเลยว่ารสชาติจะเป็นยังไง ไปถึงที่แล้วก็ลองมันทุกแบบเลยล่ะกัน ลองแบบตัวใหญ่สุด เผื่อให้ได้รสชาติเต็มที่

 

หอยมาแล้ว เครื่องเคียงที่ได้มาด้วยเลยคือเลมอนที่เอามาบีบกินคู่กับหอยนางรม กินหอยกับเลมอนก็ได้อีกอารมณ์นึง อาจจะไม่ได้แซ่บเท่าน้ำจิ้มซีฟู๊ด แต่ก็เด็ดใช้ได้เลย ได้รสชาติหอยไปเต็มๆ

เครื่องดื่ม ก็มีให้เลือกหลายแบบเลย ปกติแล้วถ้ากินกับหอยเค้ามักจะสั่งแชมเปญคู่กัน หรือใครจะกินเบียร์ Sangria ก็มีหมด ตามสะดวก

 

จบวันที่ 2 แบบเน้นกิน เน้นเที่ยวแบบสบายๆ วันนั้นคือกลับห้องไป คือต้องไปนอนพึ่งพุงมาก คืออันนี้ที่เอามาลงให้คือร้านหลักๆ ที่ควรจะต้องไปกิน แต่เราก็มีร้านที่กินตามทางอีกมากมาย

ใครอยากลองแพลนแบบนี้ก็จัดไปเลย

ตามต่อที่ Day 3 ได้เราจะไป Day trip ที่ Toledo เมืองใกล้ๆ Madrid


สามารถติดตามพูดคุยกับเราได้ทางช่องทางต่างๆ ดังนี้

Facebook : https://www.facebook.com/TravellingAsACouple

Website : https://travelling-as-a-couple.com/

Instagram : Travelling As A Couple

Line: @Travelling_couple หรือ กดที่นี่เลย http://line.me/ti/p/%40travelling_couple