Luzern !! เมืองนี้มีอะไรดี ?? 

Luzern เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่า Heart of Switzerland ตั้งอยู่เกือบกึ่งกลางของประเทศสวิสเซอร์แลนด์
ที่นี่เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่สำคัญของสวิตเซอร์แลนด์ เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวมักไม่พลาดที่จะมาเยือนที่นี่
จุดเด่นของที่นี่คงเป็นทะเลสาบ Luzern ที่ล้อมรอบไปด้วยเทือกเขา Alps และอาคารบ้านเรือนที่เก่าแก่ น้ำในทะเลสาบใสจนมองเห็นพื้นด้านล่าง มีห่าน หงส์มาหาอาหารให้เราสามารถได้ถ่ายรูปอย่างใกล้ชิด เป็นเสน่ห์อีกอย่างนึงของเมืองนี้เลย
การเดินทางท่องเที่ยวในเมืองนั้นสะดวกสบาย ตัวเมืองแบ่งออกเป็น 2 ส่วน
- ส่วนที่อยู่ด้านตะวันออก จะเป็นเขตเมืองเก่า ที่มีอายุมากกว่า 500 ปี เป็นเขตที่จะไม่ให้มีอาคารใหม่ๆ หรือว่าอาคารสูงสร้างขึ้นในเขตเมืองเก่าที่มีการอนุรักษ์ไว้ สามารถเดินเที่ยวในเขตเมืองเก่าได้อย่างสบาย
- ส่วนที่อยู่ด้านตะวันตก จะเป็นเขตเมืองใหม่ ที่มีการสร้างขึ้นมาภายหลัง หากอยากออกไปนอกเมือง ก็มีระบบขนส่งมวลชน ไม่ว่าจะเป็นรถเมลล์ รถไฟ เรือ ที่เชื่อมโยงกันเป็นเครืองข่ายทำให้การเดินทางท่องเที่ยวในเมืองลูเซิร์นนั้นสะดวกและง่าย
Luzern มีอะไรดี ???
สะพานไม้ ชาเปล (Chapel bridge)
จุดเด่นของ Luzern คือสะพาน Chapel หรือ Kapellbrucke (คาเพลล์บรึคเคอ) เป็นสะพานไม้ที่อาจจะดูธรรมดา แต่ไม่ธรรมดานะจ๊ะ เพราะสะพานไม้แห่งนี้ถือได้ว่าเป็นสะพานไม้ที่เก่าแก่ที่สุดของโลก ถูกสร้างเมื่อ 600 กว่าปีก่อน เพื่อใช้ในการเดินข้ามแม่น้ำรอยส์ (Reuss) ที่เชื่อมต่อระหว่างสองฝั่งเมืองเข้าด้วยกัน
สะพานไม้แห่งนี้ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ประจำเมืองได้เลย ตรงกลางของสะพานไม้แห่งนี้เป็นที่ตั้งของหอคอยน้ำ Wasserturm ซึ่งเป็นหอคอยทรงแปดเหลี่ยมขนาดใหญ่ ในอดีตหอคอยแห่งนี้ถูกสร้างเอาไว้เก็บสมบัติในช่วงยุคสงคราม
มาถึง Luzern แล้วก็อย่าลืมมาแวะชมที่นี่ ใช้เวลาในการเดินประมาณ 20 นาที ก็ไปถึงอีกฝั่งนึงแล้ว ระหว่างเดินข้ามสะพานถ้าชอบชมพวกภาพศิลปะ ก็ลองมองขึ้นไปบนจั่วไม้บนสะพาน จะมีภาพวาดตลอดแนวซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นภาพวาดที่เกี่ยวกับศาสนา ประวัติศาสตร์ รวมไปถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่สำคัญของประเทศสวิตเซอร์แลนด์
หรือถ้าอยากจะแวะซื้อของที่ระลึก ตรงกลางสะพานจะมีร้านที่ขายของที่ระลึกเกี่ยวกับสะพานนี้อยู่
ล่องเรือชมทะเลสาบ Luzern
การได้มาล่องเรือชมทะเลสาบ Luzern นั้นเป็นอะไรที่คุ้มค่ามากมาย เพราะนอกจากจะได้ล่องเรือชมทะเลสาบแล้ว เรายังสามารถเดินทางไปเที่ยวยอดเขาริกิ หรือยอดเขาพิลาตุสได้
โดยท่าเรือจะอยู่บริเวณหน้าสถานีรถไฟ Luzern แต่ละยอดเขาที่เราจะไปพิชิตจะนั่งเรือไปลงที่ท่าเรือต่างกัน
- ยอดเขาริกิ : ให้นั่งเรือไปลงที่ท่าเรือ Vitznau
- ยอดเขาพิลาตุส : ให้นั่งเรือไปที่ท่าเรือ Alpnachstad
เมื่อเรือแล่นออกจากท่าเรือ Luzern เป็นภาพที่สวยงามมาก เหมือนเราค่อยมองภาพเมือง Luzern ค่อยๆห่างออกไปเรื่อยๆ ตัดกับผืนน้ำสีฟ้าที่ใสแทบจะมองลึกลงเป็นเห็นพื้นทะเลสาบ ตลอดเวลาที่เรือแล่นไปจะมีฝูงนกมาค่อยบินเล่นไปกับเรืออยู่ตลอดเวลา
ด้านหน้าของเรือก็มียอดเขาริกิที่ตั้งสูงตระหง่านอยู่เบื้องหน้า เป็นภาพที่สวยงามมาก ถึงแม้วันที่เราไปเมฆจะเยอะไปนิด แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสวยงามของที่นี่ลดน้อยลงไปเลย
ยอดเขาริกิ (Mt.Rigi)
ยอดเขาริกิอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,797 เมตร (ข้อมูลหาจาก google) เป็นยอดเขาที่ตั้งอยู่โดดๆ สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้อย่างงดงาม ปกติแล้วอากาศบนยอดเขาริกิมักจะเปิดโล่ง ไม่ค่อยมีเมฆมาปกคลุมเหมือนยอดเขาอื่นๆ จึงสามารถทำให้มองเห็นทะเลสาบลูเซิร์น Luzern และ ทะเลสาบซุก (Zug) ที่อยู่คนละด้าน จากบนยอดเขาริกิได้เลย
Mt.Rigi นั้นเป็นคำที่เพี้ยนมาจากคำว่า Mons Regina ที่แปลว่าราชินีแห่งภูเขา อาจจะเป็น Mt.Rigi นั้นตั้งตะหง่านอยู่ตรงกลางทำให้มองเห็นภูเขาลูกอื่นๆ ได้โดยรอบนั้นเอง
จากท่าเรือ Luzern เรือจะแวะจอดท่าต่างๆหลายแห่งริมฝั่งหมู่บ้านและบ้านเรือที่สวยงามตลอดทาง เราใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็จะถึงท่าเรือ Vitznau (วิทซ์เนา) เป็นหมู่บ้านเล็กๆริมฝั่งทะเลสาบ ท่าเรือแห่งนี้เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เลือกที่จะลง เพื่อนั่งรถไฟขึ้นไปยังยอดเขาริกิ
เดินจากท่าเรือ Vitznau(วิทซ์เนา) เพียงไม่กี่ก้าวก็จะเจอกับสถานีรถไฟต้นทางของรถไฟที่จะพาเราไปสู่ยอดเขาริกิ ที่สถานี Rigi-Kulm ซึ่งขบวนรถไฟจะเป็นแบบหน้าต่างเปิดโล่งที่ทำให้เราสามารถชมวิวทิวทัศน์ระหว่างทางได้อย่างเต็มตาและรับอากาศดีๆได้อย่างเต็มปอด
รถไฟขึ้นสู่ยอดเขาริกินั้นเป็นระบบรางแบบเฟื่องเกี่ยวหรือ CogWheel ซึ่งเป็นระบบรางที่เหมาะกับการไต่ขึ้นที่สูง

รถไฟขึ้นสู่ยอดเขาริกินั้นออกจากสถานีวิทซ์เนา (Vitznau) ด้วยรถโบกี้สีน้ำเงินสดใส ไต่ระดับความสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ผ่านสถานีตามทางอีกหลายสถานี
สิ่งที่พลาดไม่ได้เลยคือวิวทิวทัศน์ระหว่างทางที่ยิ่งสูงก็ยิ่งทำให้เราเห็นวิวที่สวยงามมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะวิวทิวทัศน์ของทะเลสาบ Luzern และตัวเมือง Luzern ที่ห่างออกไป
สองข้างทางรถไฟก็มีบ้านเรือนที่กระจัดกระจายอยู่เป็นระยะ จนบางทีก็อดสงสัยไม่ได้ว่า เค้าเดินทางไปมากันยังไง เค้าสร้างบ้านกันได้ยังไง เพราะว่าทางที่เราขึ้นมานั้นไม่ได้ง่ายเลย นับถือจริงๆ
ยิ่งสูงยิ่งหนาว คงจะเป็นคำพูดที่สามารถเห็นภาพตอนขึ้นเขาริกินี้ได้อย่างชัดเจน จากที่เริ่มต้นจากท่าเรือวิทซ์เนา (Vitznau) ที่ไม่มีหิมะแม้แต่นิดเดียว ยิ่งขึ้นมาเรื่อยๆ หิมะเริ่มหนาขึ้น รวมไปถึงบ้านคนที่เริ่มทิ้งระยะห่างกันออกไป วิวสองข้างทางที่เขียวขจีก่อนหน้านี้ กลับถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน พร้อมกับหิมะที่ตกลงมาเป็นระยะๆ นั่งรถไฟเที่ยวเดียวได้สองบรรยากาศเลย ฟินเว่อร์
สถานีรถไฟ Rigi-Kulm เป็นสถานีรถไฟที่สูงที่สุดของรถไฟสายนี้ บนยอดเขามีทางเดินสำหรับชมวิวภูเขา และมีร้านอาหารไว้คอยให้บริการ
คำเตือน ก่อนจะขึ้นยอดเขาริกิ ควรเช็คสภาพอากาศดีๆ ไม่งั้นจะเป็นแบบเรา
ในที่สุดรถไฟก็ฝ่าหิมะมาถึงยอดเขาริกิจนได้
แต่วันที่เราไปกลายเป็นวันที่ไม่ปกติของยอดเขาริกินี้ซะงั้น เพราะว่าพายุหิมะ ทำให้สภาพอากาศบนยอดเขาค่อนข้างแปรปรวน มีเมฆมาปกคลุมมากมาย จนแทบไม่เห็นวิวอะไรเลย หนาวแค่ไหน ดูรูปก็คงจะรู้
ม้านั่งนี้ใครจะกล้านั่ง นั่งนี่อาจจะเย็นทะลุกางเกงได้เลย
ป้ายบอกทางที่แทบจะดูไม่ออกว่าไปทางไหน ซ้ายหรือขวาดี
แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะว่าที่นี่เราได้เล่นหิมะจนเพลินเลย เกลือกกลิ้งกันอย่างสนุกสนาน แอบเห็นเด็กฝรั่งโดดจมกองหิมะกันโครมๆ อยากจะทำบ้าง แต่ใจก็ไม่กล้าพอ เพราะว่าหนาวมาก หนาวจนปากสั่น เลยได้แต่นั่งดูเด็กฝรั่งโดดใส่หิมะอยู่ฝ่ายเดียว
ปล 1. ขากลับเราเลือกที่จะลงอีกทางมุ่งหน้าสู่สถานีอาร์ทโกลเดา(Arth-Goldau) ซึ่งวิวทิวทัศน์สองข้างทางสวยงามไม่แพ้ทางสถานีวิทซ์เนา(Vitznau)
จากสถานีอาร์ทโกลเดา(Arth-Goldau) เราสามารถนั่งรถไฟกลับไปที่เมืองลูเซิร์น(Luzern) โดยใช้เวลาเพียง 30 นาทีเอ๊ง ไม่ยาก
ปล.2 Swiss Pass ขึ้นฟรี นะจ๊ะ
ยอดเขาพิลาตุส (Pilatus)
credit : https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Pilatus_mountain.jpg
ยอดเขานี้เป็นยอดที่สามารถมองเห็นได้จากเมือง Luzern ห่างไปไม่ไกลเลย
การเดินทางก็ไม่ยาก
- ทางเรือโดยสาร ก็ให้ไปลงที่ท่าเรือ Alpnachstad แต่ถ้าใครวางแผนจะนั่งเรืออาจจะต้องกะเวลาให้ดีนิดนุง เพราะว่าเรือจะเป็นแบบหวานเย็นแวะตลอดทาง ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง
- ทางรถไฟ ถ้าวัยรุ่นใจร้อนหน่อยก็แนะนำให้ใช้บริการรถไฟ มาลงที่สถานี Alpnachstad ใช้เวลาเพียง 20 นาที
แล้วก็มาต่อรถไฟอีกครั้งที่สถาน Pilatus Bahnen เพื่อพาเราไปยังยอดเขาพิลาตุส ความพิเศษของรถไฟสายนี้คือเป็นเส้นทางรถไฟแบบฟันเฟืองที่ชันที่สุดในโลก เป็นระบบรางเดียวกันกับยอดเขาริกิ แต่ต่างกันตรงที่ยอดเขาพิลาตุสนี้ระดับความชันของรางชันถึง 45 องศา นี่คิดว่านั่งรถไฟเหาะช่วงตอนขาขึ้นเลยนะเนี่ย
Credit : www.luzern.com
ด้วยความพิเศษของรถไฟขึ้นยอดเขาพิลาตุส บัตรเบ่งอย่าง Swiss Pass ครอบคลุมไม่หมด ต้องมีการจ่ายเพิ่ม แต่ก็คุ้มค่าที่ได้นั่งรถไฟแบบฟันเฟืองที่ชันที่สุดในโลก
อนุสาวรีย์สิงโตสะอื้น (Lion Monument)
Landmark อีกอย่างนึงของเมืองลูเซิร์น (Luzern) คือ อนุสาวรีย์สิงโตสะอื้น หรือ เลอเวนเดงก์มัล (Lowendenkmal)
เป็นอนุสาวรีย์สิงโตขนาดใหญ่ที่แกะสลักไว้บนหน้าผาหิน โดยแกะเป็นรูปสิงโตที่ถูกหอกแทงทะลุหลัง นอนหมอบอยู่ข้างโล่ร่ำไห้ ก่อนเสียชีวิต
สิงโตตัวนี้เป็นของขวัญจากรัฐบาลฝรั่งเศส สร้างเพื่อเป็นเกียรติและรำลึกถึงทหารรับจ้างชาวสวิส ที่เสียชีวิตจากการปกป้องพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระนางมารี อังตัวแนตต์ จากการโจมตีเมื่อปี 1792 ในช่วงปฏิวัติฝรั่งเศส
เขตเมืองเก่าลูเซิร์น
เขตเมืองเก่าลูเซิร์นนั้น เป็นเขตที่มีสิ่งปลูกสร้างที่เป็นอาคารยุคเก่า ถนนจะเป็นถนนแคบๆ ที่มีการปูหินตามแบบเมืองโบราณในยุคกลาง เป็นเขตเมืองที่ปลอดรถ เพราะฉะนั้นเดินเที่ยวได้สบาย
สองข้างทางของเขตเมืองเก่า จะเต็มไปด้วยร้านค้าที่ตกแต่งแบบทันสมัย (คือตึกอ่ะเก่า แต่ร้านค้านี่ทันสมัยมาก) มีหลากหลายแบรนด์ให้เลือกช๊อป ไม่ว่าจะเป็นร้านนาฬิกา ร้านเสื้อผ้าแฟชั่น หรือจะเป็นร้านขายของที่ระลึกก็มีให้บริการ
ในเขตเมืองเก่าจะมีหอคอย Wachtturm ที่มีนาฬิกาที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองตั้งอยู่
—————————————————————————
สามารถติดตามพูดคุยกับเราได้ทางช่องทางต่างๆ ดังนี้
Facebook : https://www.facebook.com/TravellingAsACouple
Website : https://travelling-as-a-couple.com/
Instagram : Travelling As A Couple