Swiss Travel System 

1

การเดินทางในสวิส จัดได้ว่าเป็นประเทศที่มีการเดินทางที่สะดวกสบายประเทศนึง
เพราะระบบขนส่งมวลชนที่นี่ นั้นสามารถใช้บัตรโดยสาร อย่าง Swiss Pass เพียงบัตรเดียวเที่ยวได้ทั่วสวิส

สำหรับเราการเดินทางด้วยรถไฟจึงเป็นสิ่งที่เราแนะนำมากที่สุด
_______________________________________________
การมาสวิสทำให้ความรู้สึกในการนั่งรถไฟของเราเปลี่ยนไป จากเมื่อก่อนจะรู้สึกเบื่อทุกครั้งที่นั่งรถไฟ
เพราะว่าไม่รู้จะนั่งทำไร แต่ที่นี่เวลาที่เรานั่งรถไฟ กลายเป็นช่วงเวลาที่เรามีความสุขที่สุด
ได้ชมบรรยากาศที่สวยงามของเทือกเขาที่เรียงรายอยู่ตลอดสองข้างทาง ได้เห็นบ้านเรือนที่สร้างลดหลั่นกันตามไหล่เขา
สำหรับเราการนั่งรถไฟถือเป็นเสน่ห์อีกอย่างนึงของที่นี่

ใครอยากใช้บริการการเดินทางแบบไหน ลองเลือกให้เหมาะกับเส้นทางที่เราจะเดินทางไปนะคะ

การเดินทางในประเทศสวิส หลักๆ จะมี
1. รถไฟ
2. รถบัส
3. เรือโดยสาร
4. อื่นๆ เช่น Tram
________________________________________________
รถไฟ

2

การเดินทางด้วยรถไฟในประเทศสวิส ถือว่าสะดวกสบายที่สุด ไม่ว่ายอดเขาจะสูงชันแค่ไหน
รถไฟของสวิสก็สามารถไต่ไปถึง ไม่ว่าจะเป็นรถไฟแบบฟันเฟืองที่ใช้ไต่เขาสูงชัน
หรือจะเป็นรถไฟชมวิว ที่เปิดโล่งแบบพาโนราม่า ที่นี่ก็มีให้บริการ

ที่สำคัญรถไฟที่นี่ตรงเวลามาก และมีจำนวนเที่ยวที่ค่อนข้างเยอะ มีตารางรถไฟที่เป็นระบบมากถึงมากที่สุด

รถไฟชนิดต่างๆ ในประเทศสวิส
1. Intercity รถด่วน (IC, ICN)
2. Inter Regio รถเร็ว (IR)
3. Regio Express รถเร็ว (RE)
4. Regio หรือ S-Bahn รถไฟสายท้องถิ่น

_________________________________________________
Intercity รถด่วน (IC, ICN)

เป็นขบวนรถที่ให้บริการระหว่างเมืองใหญ่กับเมืองใหญ่ สถานีที่จอดระหว่างทางจะไม่มากนัก

3

_______________________________________________
Inter Regio รถเร็ว (IR)

เป็นขบวนรถไฟที่วิ่งระหว่างเมือง แต่จะจอดเฉพาะสถานีหลักๆ

4

___________________________________________________
Regio Express รถเร็ว (RE)

อันนี้เราได้ใช้บริการบ่อย เป็นรถไฟที่วิ่งระหว่างเมืองใหญ่ ในบริเวณที่ใกล้เคียงกัน
ความถี่ในการจอดแต่ละสถานีจะมีมากขึ้น แต่ไม่ได้จอดทุกสถานี ต้องดูป้ายให้ดีก่อนที่จะขึ้นรถ

5

_______________________________________________
Regio หรือ S-Bahn รถไฟสายท้องถิ่น

เป็นรถไฟสายสั้นๆ ที่จะวิ่งระหว่างเมืองใหญ่ไปตามเมืองเล็กๆ ต่างๆ จอดแทบจะทุกสถานี

6

_______________________________________________
รถไฟทุกขบวนจะมีตู้โดยสาร 2 แบบ คือแบบ
– First Class
– Second Class
ซื้อตํ่วแบบไหน ก็ต้องเลือกขึ้นตู้ให้ถูก เห็นได้ชัดจากข้างตัวรถที่จะมีตัวเลขกำกับไว้ ว่า 1 หรือ 2

7

First Class

ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่ามันต้องมีความพิเศษแน่นอน
=> ผู้โดยสารน้อยกว่า อันนี้เป็นของแน่นอน เพราะราคาที่แพงกว่าบัตรโดยสารแบบ Second Class
อย่างมีสาระสำคัญ จึงเป็นการจำกัดปริมาณคนได้เป็นอย่างดี

=> ที่นั่งกว้างขวางกว่าไม่แออัดมาก แอบลองไปนั่งดู เบาะกว้างและนุ่มสบายกว่ามาก

=> การตกแต่งภายในโบกี้ที่เป็น First class ดูหรูหรา วัสดุภายในก็ดีกว่า (ใช่สิ ก็เก็บเงินไปตั้งเยอะ)

8

Second Class

ตู้โดยสารประเภทนี้เหมาะกับเค้าเป็นที่สุด ราคาสบายกระเป๋า
ด้วยความที่สวิสเป็นประเทศที่มีระบบขนส่งมวลชนที่ดี ถึงดีมากกกกก
เพราะฉะนั้นการนั่งรถไฟแบบ Second Class ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกแย่แต่อย่างใด

ที่นั่งรถไฟขบวนที่แย่ที่สุดใน Second Class ยังดีกว่านั่งรถไฟปู๊นๆ บ้านเราอีก

รถไฟทุกขบวนจะมีห้องน้ำไว้ให้บริการ ใครไม่อยากเข้าห้องน้ำแบบเสียเงินข้างนอก
ก็ใช้บริการห้องน้ำบนรถไฟได้ สะอาดไม่แพ้กัน

เอาเป็นว่าใครอยากได้ความสะดวกสบายแนะนำให้ซื้อตั๋วแบบ First Class
แต่อย่าคิดว่าซื้อตั๋วแบบ Second Class แล้วแอบไปแอบนั่งแบบ First Class นะ
เพราะเค้ามีคนเดินตรวจตั๋วอยู่ตลอด โดยจับได้จะโดนปรับเอา

________________________________________________

มาหัดดูป้ายรถไฟที่สวิสกัน

เนื่องจากขบวนรถไฟที่สวิสจะยาวมาก และก็มีหลายชานชาลา มาดูกันว่าป้ายที่แสดงบนชานชาลาแต่ละอันบอกอะไรได้บ้าง ดูตามรูปได้เลย

9

___________________________________________________

App แนะนำถ้าไปเที่ยวสวิสเอง

“SBB Mobile” ดีงามสุดๆๆ

10

บอกได้หมดว่าจากเมืองนี้ถึงเมืองนี้ต้องไปขึ้นรถที่Platform ไหน ต่อรถที่สถานีอะไรบ้าง
รถออกกี่โมง ใช้เวลาการเดินทางเท่าไร ใช้ได้ทั้งรถไฟและรถบัส เป็นประโยชน์มากในการวางแผนการเดินทาง

ข้อเสียคือต้องมี Internet ตลอดเวลา แต่ที่สวิสเราสามารถซื้อ Sim มาใส่ได้ ของ Swisscom
ซื้อแบบ Prepaid จ่ายล่วงหน้าไป 19 ฟรังก์ แล้วระบบจะตัดวันละ 2 ฟรังก์ ในการใช้ Internet
ถูกกว่าใช้ Roaming จากเมืองไทยอีก เพราะตกวันละ 70 บาทเอง

12

วิธีใช้ก็ไม่ยาก เพียงแค่กรอกจุดหมายปลายทาง ตรง From กับ To เท่านั้นแล้วก็ Click ปุ่ม time table ได้เลย
เราสามารถดูเวลาล่วงหน้า โดยการเปลี่ยนวันที่ เป็นวันที่ และเวลาที่เราต้องการ ตารางรถไฟของวันนั้นก็จะปรากฏให้เราเห็น

11

ใน app จะบอกหมด ว่ารถไฟออกเวลาไหน ใช้เวลาเดินทางกี่ชั่วโมง และสามารถขึ้นได้ที่ชานชาลาไหน
เราสามารถที่จะกดไปดูด้านไหน ว่าขบวนนี้เราต้องไปเปลี่ยนรถที่ไหนบ้าง
ชานชาลาสำหรับเปลี่ยนรถก็จะมีบอกไว้หมด ไม่ต้องกลัวหลง
____________________________________________________

รู้ภาษาเกี่ยวกับรถไฟไว้บ้าง จะได้ไม่หลง อมยิ้ม01

29

เนื่องจากสวิส เป็นประเทศที่ไม่มีภาษาเป็นของตัวเอง แต่เมืองจะใช้ภาษาที่ไม่เหมือนกัน
ขึ้นอยู่กับว่าเมืองนั้นอยู่ติดชายแดนประเทศอะไร

เรามักจะเห็นอักษรที่ติดอยู่ที่ป้ายรถไฟที่สวิส CFF SBB FFS ตัวอักษรเหล่านี้เป็นคำย่อของการรถไฟของสวิส ในภาษาต่าง

CFF : Chemins de Fer Federaux ในภาษาฝรั่งเศส
SBB : Die Schwei Bundes-Bahmen ในภาษาเยอรมัน (ตัวย่อนี้เราเห็นบ่อยสุด)
FFS : Ferrovie Federali Svizzere ในภาษาอิตาลี

นอกจากนี้ภาษาง่ายเกี่ยวกับรถไฟที่เราใช้บ่อย เวลาเราเดินทางด้วยรถไฟคือ
สถานีรถไฟ ที่คนที่นี่มักจะเรียกว่า Bahnhof ถ้าสถานีรถไฟหลักๆ จะเรียกว่า Hauptbahnhof เช่น Zurich Hauptbahnhof
ทางออก Ausgang หาคำแบบนี้ไว้ รับรองเดินออกมาจากสถานีได้ชัวร์
____________________________________________________
ป้ายบอกสถานีในรถไฟอมยิ้ม01

20

ในขบวนรถไฟแต่ละขบวนจะมีป้ายที่แสดงสถานีที่รถไฟจะจอดพร้อมทั้งเวลาที่คาดว่าจะถึงไว้อย่างชัดเจน
ไม่ต้องกลัวว่าจะหลง หรือลงไม่ทัน ดูเวลาที่คาดว่ารถไฟจะไปถึง แล้วเตรียมตัวก่อนประมาณ 10-15 นาที
_________________________________________________
ที่วางกระเป๋าเดินทาง อมยิ้ม01

21

สำหรับพวกที่ขนกระเป๋าใบใหญ่ๆ รถไฟจะมีเพียงบางขบวนเท่านั้นที่จะจัดที่วางกระเป๋าไว้ให้ แต่ก็ไม่ได้มีจำนวนมากนัก ส่วนมากจะเป็นขบวนรถไฟที่วิ่งไป ไม่ก็ออกมาจากสนามบินที่จะมีที่วางกระเป๋าแบบนี้

_______________________________________________

รถบัส

13

นอกเหนือจากรถไฟแล้วยังมีรถบัส ซึ่งเส้นทางของรถบัสเหล่านี้มักจะเป็นเส้นทางที่รถไฟไปไม่ถึง
ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นเมืองที่ค่อนข้างห่างไกลมากๆ หรือหมู่บ้านบนภูเขา

Post Bus

14

รถบัสโดยสารของที่นี้ จะเรียกว่า Post Bus ซึ่งจะเป็นรถประจำทางที่มีสีเหลือง

เริ่มแรกเดิมทีนั้น เริ่มจากการที่เป็นรถขนส่งพวกไปรษณีย์มาก่อน ไปตามที่ต่างในสวิส
เมื่อเค้าคิดว่าในเมือขนส่งไปรษณีย์ได้ ก็ต้องสามารถที่จะให้บริการรับส่งคนได้ด้วย เป็นการให้บริการแบบ 2 in 1

นอกจากนี้ยังมีรถบัสทีให้บริการวิ่งในเมืองต่างๆ ด้วย

25

รถบัสที่วิ่งในเมือง Interlaken

30

รถบัสที่ให้บริการในเมือง Geneva

23

ป้ายรถเมล์ และตู้ขายตั๋วอัตโนมัติ (มี Swiss Pass แล้วไม่ง้อตู้ขายตั๋วหรอก)

26

____________________________________________

เรือโดยสาร

15

ในภาพเป็นเรือโดยสารที่วิ่งในทะเลสาบ Luzern

สวิส เป็นประเทศที่มีทะเลสาบหลายแห่ง การเดินทางทางเรือจึงเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ
แต่ละทะเลสาบจะมีเรือโดยสารไว้ค่อยให้บริการ นอกจากจะให้บริการนักท่อ่งเที่ยวแล้ว
ยังเป็นการให้บริการคนสวิสเองด้วย เนื่องจากรอบๆทะเลสาบจะเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านหรือชุมชน

 

17

____________________________________________
ภายในเรือ

 

18

ภายในเรือโดยสารจะมีห้องอาหารไว้คอยให้บริการ
ถ้าใครไม่อยากสั่งอาหารก็จะมีพื้นที่ด้านนอกไว้ให้นั่ง แต่ช่วงหน้าหนาว
อยากจะเตือนว่าตอนที่เรือวิ่ง ลมกรรโชกแรงมาก หน้าชาเป็นแถบๆกันเลยทีเดียว
_________________________________________________________
บรรยากาศที่ท่าเรือ

19

เราสามารถเช็คเวลาที่เรือออกในแต่ละวันได้ที่บริเวณท่าเรือซึ่งจะมีป้ายบอกว่าเรือจะออกเวลากี่โมงบ้าง
ซึ่งเรือโดยสารส่วนมากจะสามารถใช้บัตร Swiss Pass เป็นบัตรเบ่งได้ สบายเราเลย ไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม
_____________________________________________________
รถโดยสารอื่นๆ

31

 

บริการอื่นๆ ในสถานีรถไฟ
______________________________________________________
ตู้ล๊อคเกอร์หยอดเหรียญ (Coin Locker)

28

ตามสถานีรถไฟใหญ่จะมีตู้ล๊อคเกอร์สำหรับฝากกระเป๋าไว้ มีหลายขนาดให้เลือกตั้งแต่ตู้ขนาดเล็กๆ
สำหรับฝากพวกเป้กระเป๋าสะพาย ไปจนถึงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ๆ ค่าบริการอยู่ที่ 5-9 ฟรังก์ต่อวัน

27

วิธีใช้ตู้ก็ไม่ยาก
–  ยัดกระเป๋าลงไปในตู้
–  หยอดตังค์
–  บิดกุญแจปิด

อ๊ะๆ ก่อนจะไปเที่ยวอย่าลืมจำเลขตู้ไว้ ถ้าลืมที่กุญแจก็มีบอก แต่จำไว้หน่อยก็ดี
เผื่อกรณีทำกุญแจหาย (แต่ก็อย่าให้เกิดเลย เดี๋ยวจะยาว เสียเวลา)

32

แต่ๆ ข้อเสียก็คือ ต้องใช้เหรียญหยอดเท่านั้น
ถ้าใครคิดจะมาฝากกระเป๋า ก็อย่าลืมคำนึงถึงข้อนี้ดีๆนะ

__________________________________________________

สวิสใช้ไฟฟ้าแบบไหน ?? อมยิ้ม19อมยิ้ม19

J_dia_sock_l

redit Pic : http://www.iec.ch/worldplugs/typeJ.htm

สวิสใช้กระแสไฟฟ้า 220 โวลด์เหมือนบ้านเราเลย ต่างกันที่หัวปลั๊ก
เพราะที่สวิสจะเป็นปลั๊กแบบกลม แนะนำให้พก Universal Plug + ปลํกสามตาไปด้วย
ต่อทีเดียวใช้ได้หลายเครื่องเลย