จะไปเที่ยวสวิสจะต้องใช้เงินเท่าไร??  อมยิ้ม19อมยิ้ม19

32

สวิสจัดได้ว่าเป็นประเทศที่ค่าครองชีพที่ถือว่าแพงประเทศนึงในแถบยุโรป ถ้าไม่นับรวมพวกสแกนดิเวีย
ค่าใช้จ่ายต่างในสวิสจึงแพงกว่าที่อื่นเกือบเท่าตัว ไม่ว่าจะเป็นค่าโรงแรม ค่าอาหาร ค่าน้ำดื่ม

แต่ก็เพื่อแลกกับการได้เที่ยวประเทศที่สวยงามแบบนี้ ต้องเก็บตังค์ไปให้ได้ซักครั้งในชีวิต

มาลองดูกันว่าค่าใช้จ่ายสำหรับทริปสวิสมีอะไรบ้าง เผื่อเป็น guideline ให้เพื่อนๆ จะได้คำนวนค่าใช้จ่ายได้ถูก
ค่าใช้จ่ายสำหรับทริปสวิส หลักๆ ก็คงจะเป็น
1. ค่าตั๋วเครื่องบิน
2. ค่าขอวีซ่า
3. ค่าประกันการเดินทาง
4. ค่าเดินทางในสวิส : Swiss Pass
5. ค่าโรงแรม
6. ค่าอาหาร
7. ค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว
________________________________________________
ค่าตั๋วเครื่องบิน (ราคาไปช่วงเดือนพฤศจิกายน)

33

ราวๆ 25,000 – 30,000 บาท

บางคนอาจจะจองได้ถูกกว่านี้ ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของแต่ละช่วงเวลา ตั๋วเครื่องบินถูก
ก็จะประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก แต่ต้องดูเวลาต่อเครื่อง รวมถึงเวลาที่ออกเดินทางและถึงที่ประเทศสวิสด้วยว่าเวลามันโอเคไหม

เช็คราคาตั๋วจากที่ไหนบ้าง ?? อมยิ้ม19อมยิ้ม19

ส่วนมากเราเช็คตั๋วจากแหล่งเหล่านี้
1. Kayak
2. Expedia.com
3. Website ของสายการบิน

** การเช็คที่ website ของสายการบินบางครั้งอาจจะทำให้เราได้ตั๋วในราคาที่ถูกกว่าจองผ่านเวปตามข้อ 1 กับ 2 ก็ได้
เพราะบางทีเวลาสายการบินทำโปรโมชั่นเอง ราคาก็แอบถูกกว่า

42

 

ทริปนี้เราเดินทางทั้งหมด 10 วัน 8 คืน (รวมเวลาที่ใช้ในการเดินทางด้วย)
ความยากของเราก่อนจะจองตั๋วเครื่องบินคือ เราต้องวางแผนว่าจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง

เชื่อม๊ะ ว่าเวลาที่เลือกเมืองนะ กิเลสมันมาเยอะมาก เมืองนี้ก็อยากไป เมืองโน่นก็สวย เมื่องนั้นก็ดี
อยากจะไปมันทุกเมืองเลย แต่ด้วยข้อจำกัดของเวลา รวมไปถึงข้อจำกัดที่สำคัญคือ เงิน!!!!
ทำให้เราต้องตั้งสติ และเลือกแต่เมืองที่อยากไปจริงๆ เท่านั้น

เราชอบไปแบบ Multi-City คือบินไป กับบินกลับคนละที่กัน เพื่อให้เราสามารถเที่ยวได้เต็มที่
ไม่ต้องเดินทางย้อนไปย้อนมา แต่ข้อเสียคือ ตั๋วโปรโมชั่นมักจะไม่มีแบบ Multi-City
ส่วนมากตั๋วโปรโมชั่นจะเป็นแบบ Round Trip มากกว่า

เมื่อเลือกเมืองได้แล้ว การลำดับว่าเราจะไปเมืองไหนก่อน ลองเอาแต่ละเมืองที่เราจะไป ไปเปิดใน Google map
ดูว่าแต่ละเมืองตั้งอยู่ที่ไหนบ้าง เราจะได้มองเห็นภาพ และสามารถลำดับสถานที่ของแต่ละเมืองได้ไม่ยาก

______________________________________________
ค่าวีซ่า

34

ค่าวีซ่าเชงเก้นประเภทท่องเที่ยวระยะสั้นไม่เกิน 90 วัน ราคาอยู่ที่ 60 Euro
คิดเป็นเงินไทยประมาณ 2,220 บาท (คิดจากอัตราแลกเปลี่ยน 37 บาท / 1 CHF)

** **อัตราแลกเปลี่ยนขึ้นอยู่กับสถานกงสุลเป็นผู้กำหนด

สำหรับผู้ที่ของผ่านตัวแทนจะต้องเสียงค่าบริการในการดำเนินการขอวีซ่าอีก 863 บาท

ตรวจสอบค่าธรรมเนียมในการออกวีซ่าและค่าธรรมเนียมได้ตาม link ด้านล่างเลย
https://www.tlscontact.com/th2ch/help.php?id=cost_visa
_________________________________________________
ค่าประกันการเดินทาง

35

ราคาก็จะขึ้นอยู่กับว่าเราใช้ประกันบริษัทไหน ระยะเวลาในการเอาประกันกี่วัน
ตัวอย่างที่เราใช้นั้นเป็น ประกันการเดินทางของ AXA แบบ Schengen จำนวน 10 วัน

_______________________________________________
Swiss Pass

36

สวิสเป็นประเทศที่เราสามารถซื้อตั๋วเดินทางภายในประเทศล่วงหน้าได้ ที่เรียกว่า Swiss Pass
บัตรใบเดียวเที่ยวได้ทั่วสวิส จะขึ้นรถบัส ต่อรถไฟ ลงเรือ ล่องทะเลสาบ ได้ทั่วประเทศ แบบไม่จำกัดจำนวนครั้ง

ความคุ้มไม่จบลงเท่านี้ บัตรนี้ยังสามารถเข้าชมพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ได้ไม่ต่ำกว่า 400 แห่ง
และยังใช้เป็นส่วนลด สำหรับการซื้อตั๋วเดินทางขึ้นที่เที่ยวยอดนิยมอย่าง Jungfraujoch และ Matterhorn ได้อีกด้วย

ราคาของ Swiss Pass นั้นขึ้นอยู่กับจำนวนวันที่ไป มีแบบ 3 วัน 4 วัน 8 วัน 15 วัน

เราซื้อตั๋วไปจากเมืองไทยเลย อ่านในพันทิปมาส่วนมากจะซื้อจาก Europe Rail by RTS แล้วก็ไม่ผิดหวัง
ซื้อง่าย บริการส่งถึงที่ ใช้เวลาไม่นาน แล้วน้องคนที่คุยกับเราก็ให้คำแนะนำอย่างดี
(ไม่ได้ค่าโฆษณาแต่อย่างใด ของเค้าดีเราเลยต้องชื่นชม)

เราซื้อ 8 วัน ราคา  CHF 363 + ค่าออกตั๋วอีก CHF 12 รวมเป็น CHF 375 คิดเป็นเงินไทย 13,875 บาท
(อัตราแลกเปลี่ยน 37 บาท / 1 CHF)

อาจจะดูแพงถ้าคิดเป็นเงินไทย แต่มันเป็นบัตรที่เรียกได้ว่าจ่ายทีเดียว เที่ยวทั่วสวิส คุ้มมากจริงๆ
____________________________________________________
ค่าโรงแรม

38

วิธีการเลือกโรงแรมของเราจะดูจากที่ตั้งของโรงแรมเป็นหลัก ว่าต้องสามารถเดินจากสถานีรถไฟได้ และไม่ไกลมาก
โดยการใช้ Google Map เป็นตัวช่วยในการดูว่าระยะทางเป็นยังไง และใช้ Google earth
เป็นตัวช่วยในการดูสิ่งแวดล้อมรอบข้างที่เป็นภาพจริงๆ (ภาพอาจจะไม่ใช่ปัจจุบันมาก แต่ก็ยังพอเห็นภาพได้คร่าวๆ)

ที่สำคัญ เราวางแผนเที่ยวโดยไม่เปลี่ยนโรงแรมบ่อย พักในเมืองใหญ่ๆ อย่างน้อยเมืองละ 2 คืน
เพื่อให้ไม่ต้องเสียเวลาในการแบกกระเป๋า ลากกระเป๋าไปมา

ราคาที่พักต่อคืนจะประมาณ 3,000 – 4,000 บาท (ราคานี้เราไปช่วงเดือนพฤศจิกายน)
หากต้องการหาที่พักราคาถูกกว่านี้จะมีพวก Hostel ก็จะมีราคาย่อมเยาลงมา
หรือจะเป็นพวก Hostelling International (บ้านนานาชาติ) หรือ Youth Hostels Association
ก็จะไม่แพงมาก แต่พวกนี้ต้องจองล่วงหน้านานนิดนึง
______________________________________________
ค่าใช้จ่ายประจำวัน

40

เช่นค่ากินอาหาร ค่าน้ำ ตอนทีเราแลกเงิน เราแลกเงินเผื่อไว้สำหรับค่ากินต่อวันคนละ CHF100
แต่บางวันก็ใช้ไม่ถึง เพราะเราไม่ได้กินข้าวร้านอาหารทุกมื้อ ถ้าเข้าร้านอาหารค่าอาหารจะตกประมาณ 20 – 35 CHF ต่อจาน
ซึ่งถ้าเข้าร้านอาหารทุกมื้อ ค่ากินวันละ CHF 100 อาจจะไม่พอ

ประสบการณ์ที่เราไป มื้อเช้าเรามักจะหาร้านเบเกอรี่แถวๆที่พักกินเป็นอาหารเช้า
ราคาจะถูกกว่านั่งกินตามร้านอาหาร หรือไม่ก็เข้าซุปเปอร์ตั้งแต่ตอนเย็น
เพื่อซื้อพวกไส้กรอก เอาไว้ลวกน้ำร้อนกินตอนเช้า ประหยัดไปได้หลายทีเดียว

ส่วนมื้อกลางวันบางมื้อ เราเลือกที่จะกินแบบ take away บ้าง หรืออะไรที่กินง่ายๆ ไม่ต้องยุ่งยากมาก
มื้อเย็นจะเป็นมื้อทีจัดเต็มนิดนึง แต่ก็ไม่ถึงกลับเข้าร้านอาหารทุกมื้อเย็น อยู่สวิส 8 วัน
เราเข้าไปกินในร้านอาหารแบบจริงจังไม่เกิน 5 ร้าน ด้วยราคาทำให้กินไม่ลงจริงๆ
เพราะว่ามันแพงมว๊ากกกก ร้านอาหารที่เราเข้าส่วนมากจะเป็นพวกอาหารท้องถิ่น
เช่น ฟองดูว์ชีส ที่มาถึงแล้วต้องลอง แล้วก็พวกบาร์ที่ Zermatt ที่เราไปนั่งกินบรรยากาศ
ที่เหลือ ก็พึ่งพา Take Away ซะส่วนใหญ่

นอกจากค่าน้ำกับค่ากินแล้วต่อวันก็ไม่ค่อยได้จ่ายอะไรอย่างอื่นเลย เพราะว่าค่ารถก็มีบัตร Swiss Pass แล้ว
___________________________________________________
ค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว : ค่าขึ้นยอดเขาจุงเฟรา Top of Europe

37

การเดินทางขึ้นยอดเขาจุงเฟรา เราต้องซื้อตั๋วต่างหาก Swiss pass ไม่สามารถใช้ได้
แต่ว่าสามารถใช้เป็นส่วนลดได้ 25 % เพื่อความสะดวกเราเลือกที่จะซื้อตั๋วขึ้นยอดเขาจุงเฟรา มาจากเมืองไทยเลย
โดยผ่าน Europe Rail by RTS โดยเราจะได้รับเป็นกระดาษมา
แล้วต้องนำมาแลกเป็น passport กับตั๋วขึ้นจุงเฟราที่ สถานี Interlaken Ost. หรือสถานีอื่นที่ระบุไว้ในกระดาษ

แต่ต้องใช้คู่กับ Swiss Pass ราคาอยู่ที CHF 100 คิดเป็นเงินไทย 3,700 บาท
(อัตราแลกเปลี่ยน 37 บาท / 1 CHF)
เค้าจะออกตั๋วมาเป็นกระดาษให้แล้วเราก็เอากระดาษนี้ไปแลกตั๋วของจริงได้ตามสถานีที่เค้าระบุไว้ในกระดาษ ไม่ยาก

________________________________________________
ค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว : Matterhorn Glacier Paradise

41

สถานีของรถเคเบิ้ลที่สูงที่สุดในทวีปยุโรป บนยอดเขา Klien Matterhorn ที่ระดับความสูง 3,883 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
ที่นี่เป็นที่ชื่นชอบของนักสกี สโนว์บอร์ด ตอนที่ขึ้นไปนี่เหมือนชนกลุ่มน้อยมากๆ
เพราะว่าทุกคนที่ขึ้นรถเคเบิ้ลล้วนแต่หอบสกีเพื่อขึ้นไปเล่น แต่เราขึ้นไปเพื่อไปดูความสวยงามของยอดเขา Matterhorn

ค่าขึ้นรถเคเบิ้ลคนละ CHF 100 แต่ถ้าใช้ Swiss Pass แล้วจะได้รับส่วนลดเหลือ CHF 50 คิดเป็นเงินไทย 1,850 บาท
(อัตราแลกเปลี่ยน 37 บาท / 1 CHF)  แต่ถึอได้ว่าคุ้มค่ามากๆ กับระยะทาง
และการก่อสร้างที่ทำให้เรารู้สึกปลอดภัยที่ได้ขึ้น

แนะนำว่าถ้ามีเวลาและอากาศสดใสให้ลองขึ้นไปชม Matterhorn ทั้งแบบเคเบิ้ลคาร์ แล้วก็แบบรถไฟ
เพื่อจะได้ซึมซับบรรยากาศหลายๆรูปแบบ

_________________________________________________
ค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว : Gornergrat – the Matterhorn railway

39

รถไฟที่จะพาเราไปชมยอดเขา Matterhorn อีกทางหนึ่ง

ก่อนจะขึ้นไปขอให้เช็คสภาพอากาศไปก่อนว่าฟ้าเปิดไหม
เพราะ หุบเขาขี้อายแบบ Mr.Matterhorn นั้นเล่นตัวไม่ใช่เล่น เพราะชอบมีเมฆมาบดบังความงามอยู่ตลอดเวลา

สถานี Gornergrat นั้นหาไม่ยาก อยุ่ตรงข้ามกับสถานีรถไฟ Zermatt เลย

ค่าโดยสารคนละ CHF 90  แต่ถ้าใช้ Swiss Pass ลดราคาจะเหลือประมาณ  CHF 45
คิดเป็นเงินไทยประมาณ 1,665 บาท (อัตราแลกเปลี่ยน 37 บาท / 1 CHF)

ตั๋วโดยสารจะเป็นตั๋วแบบอิเล็คทรอนิค เช่นเดียวกันกับ Matterhorn Glacier Paradise

ขบวนรถไฟนี้ จะวิ่งบนรางฟันเฟือง สำหรับไต่เขา
แวะจอดที่สถานี Findelbach 1774 ม, Riffelalp 2211 ม , Riffelberg 2582 ม, Rotenboden 2582 ม
และถึงสถานีที่สูงสุด และเป็นสถานีสุดท้ายของทางรถไฟสายนี้คือ Gornergrat ที่ระดับความสูง 3,089 ม
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาทีกว่าๆ